โรคต่อมไขมันอักเสบ (Seborrheic Dermatitis) หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “เซ็บเดิร์ม” เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ไม่ได้เป็นอันตรายต่อชีวิต แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของคุณได้ ซึ่งโรคนี้เกิดจากภาวะอักเสบบริเวณต่อมไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นผื่นแดง คัน ผิวหนังลอกเป็นขุย และมีการตกสะเก็ดคล้ายแผ่นรังแคบนหนังศรีษะ เกิดขึ้นบริเวณใบหน้า ลำตัว หรือหนังศรีษะ
โรคเซ็บเดิร์มเป็นหนึ่งในโรคที่พบได้บ่อยในประเทศไทย มักจะเกิดขึ้นในช่วงอากาศร้อน เพราะต่อมไขมันจะมีการขับไขมันออกมาจำนวนมาก ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดผื่นได้มากขึ้น แต่โรคนี้ก็สามารถเกิดขึ้นในอากาศหนาวได้เช่นกัน เพราะอากาศที่แห้งเกินไปก็สามารถกระตุ้นต่อมไขมันและทำให้เกิดผื่นได้เช่นกัน
ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปทางการแพทย์ที่แน่ชัดถึงสาเหตุของโรคนี้ แต่ทางการแพทย์สันนิษฐานว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยประกอบกัน ซึ่งสองปัจจัยหลักที่สามารถทำให้อาการกำเริบได้ คือ การผลิตไขมันใต้ชั้นผิวหนังมากเกินไปหรือไขมันส่วนเกินบนผิวหนัง ที่ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองหรือผื่นแดง และอีกปัจจัยสำคัญคือเชื้อยีสต์หรือเชื้อราบางชนิดที่สามารถพบได้ทั่วไปในไขมันของผิวหนัง หากเชื้อมีการเจริญเติบโตผิดปกติก็จะส่งผลให้มีไขมันใต้ชั้นผิวหนังมากเกินไป และทำให้เกิดโรคเซ็บเดิร์มได้ ส่วนปัจจัยเร้าอื่นๆ เช่น ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง พันธุกรรม ภาวะเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ สภาพอากาศ และภาวะแทรกซ้อนจากโรคและยาบางชนิด ก็สามารถทำให้อาการกำเริบได้เช่นกัน
โดยกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดโรคนี้ได้แก่ ทารกแรกเกิด อายุ 1-3 เดือน และ ช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งจะพบในเพศชายมากกว่าในเพศหญิง รวมถึงผู้ป่วยจากโรคระบบประสาทหรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น โรคพาร์กินสัน ภาวะซึมเศร้า หรือผู้ติดเชื้อ HIV เป็นต้น
โรคเซ็บเดิร์มจะมีอาการคล้ายโรคผิวหนังทั่วไป โดยผิวหนังที่เกิดโรคเซ็บเดิร์มจะเป็นบริเวณที่มีความมัน มีลักษณะอาการเป็นผื่นแดงและคันในกรณีที่ไม่รุนแรง แต่หากเกิดในระดับที่รุนแรงจะมีผื่นแดงขึ้นจำนวนมาก ผิวหนังลอกบริเวณใบหน้าและลำตัว และมีการตกสะเก็ดคล้ายแผ่นรังแคหรือสะเก็ดหนาบนหนังศรีษะ คิ้ว หรือหนวดเครา
เนื่องจากเซ็บเดิร์มเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ การรักษาจึงเป็นการควบคุมอาการของโรคไม่ให้รุนแรงกว่าที่เป็นอยู่ และการป้องกันโรคไม่ให้เกิดขึ้น ผู้ที่เป็นโรคเซ็บเดิร์มอาจจะลองรักษาและป้องกันด้วยตัวเองก่อน โดยเริ่มจากการพักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากและเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดที่จะทำให้ร่างกายและผิวหนังแข็งแรง รวมไปถึงออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงภาวะเครียด อากาศที่ร้อนจัด ฝุ่นละออง และยาบางชนิดที่กระตุ้นให้เกิดโรคเซ็บเดิร์มได้
ผู้ที่เป็นโรคเซ็บเดิร์มนั้นจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มผิวแพ้ง่าย จึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานและอ่อนโยนต่อสภาพผิวที่สุด สำหรับผู้ที่เป็นโรคเซ็บเดิร์มบริเวณศรีษะควรใช้แชมพูที่ไม่ระคายเคืองหนังศรีษะ เช่น แชมพูที่มีส่วนผสมของซิงค์ไพริธีโอน (zinc pyrithione), เซเลเนี่ยม ซัลไฟท์ (selenium sulfide), อิมิดาโซล (imidazoles) และแชมพูคีโตโคนาโซล (ketoconazole) ส่วนในผู้ที่โรคเซ็บเดิร์มเกิดขึ้นในบริเวณใบหน้าและลำตัว ควรรักษาความสะอาดด้วยการล้างด้วยน้ำเปล่าและสบู่อ่อนพิเศษ หลีกเลี่ยงการใช้ครีม, เครื่องสำอางค์ที่มัน,และมีส่วนประกอบที่ระคายเคืองต่อผิวหนัง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Stratacel ยาที่คิดค้นมาเพื่อรักษาโรคนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะเป็นฟิล์มบางๆ เคลือบผิวและมีสาร Bacteriostatic ที่ช่วยยับยั้งแบคทีเรียไม่ให้เติบโต ไม่ระคายเคืองต่อผิวและยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอีกด้วย
แต่หากมีอาการรุนแรงหรือรักษาด้วยตัวเองไม่ได้ผล ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนังเพื่อรับการรักษา โดยแพทย์จะทำการวินิจฉัยและอาจจะตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจเพิ่มเติมในกรณีที่อาการของโรคไม่ชัดเจน และสั่งจ่ายยาหรือแนะนำวิธีการรักษาเพิ่มเติม
ผิวหนังของคนเราจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน ทั้งแห้ง มัน หรือผิวผสม ปัญหาจึงจะแตกต่างกันไป อย่างที่รู้กันว่าผิวหนังของเรามีต่อมไขมันเป็นส่วนประกอบ ซึ่งทำให้มีโอกาสเกิดโรคต่อมไขมันอักเสบหรือเซ็บเดิร์มนั้นเอง เรามาทำความรู้จักและอาการที่เกิดขึ้นกันเลย